ผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ครั้งที่ 1/68

1 พ.ค. 68 เวลา 19:01 น.365 ครั้งพิมพ์
น.ส.ประกาย ศรีจันทึก
กลุ่มเลขานุการกรม

ช่วงบ่ายวันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) เวลา 13.30 น. พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 โดยมี นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นายธฤติ ประสานสอน รองเลขาธิการสภาการศึกษา นายศุภเสฏฐ์ คณากูล ประธานกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน นางสาวจินตนา สุชนชาติ ผู้อำนวยการกองทุนสงเคราะห์ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ผู้แทนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และผู้แทนสมาคมจากภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบออนไลน์ โปรแกรม Zoom meeting โดยมีสรุปผลการประชุมที่สำคัญ ดังนี้

 

 

·       เห็นชอบ ร่างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนรายบุคคล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

 

ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนรายบุคคล พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนการกุศลให้มีความเหมาะสม และชัดเจนยิ่งขึ้น จึงได้ยกร่างระเบียบฯ พร้อมทั้งได้รับความคิดเห็นและข้อสังเกตของกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ กช. ไปประกอบการปรับแก้ไขร่างระเบียบฯ และได้รับฟังความคิดเห็นร่างระเบียบฯ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย https://law.go.th และเว็บไซต์ สช. https://opec.go.th ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2567 แล้ว นั้น ซึ่งร่างระเบียบฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญประกอบด้วย

- กำหนดบทนิยาม

- กำหนดให้โรงเรียนการกุศลที่จัดการเรียนการสอนในลักษณะการศึกษาสงเคราะห์ที่ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนรายบุคคล ในอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศล ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด

- กำหนดให้โรงเรียนที่ได้รับความเห็นชอบให้รับเงินอุดหนุนรายบุคคล ในอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศลจาก กช.แล้ว ให้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคล ในอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศลในปีการศึกษาถัดไป กรณีโรงเรียนที่ไม่ดำเนินการ หรือดำเนินการไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด ให้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคลในอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา

- สำหรับโรงเรียนการกุศลที่ได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคลในอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศลอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคลในอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศลต่อไป

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ร่างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนรายบุคคล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ร่างประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประเมินโรงเรียนการกุศลที่จัดการเรียนการสอนในลักษณะการศึกษาสงเคราะห์ โดยที่ประชุมได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเสนอร่างระเบียบฯ ดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาลงนามต่อไป

 

·       เห็นชอบ ร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยมาตรการสนับสนุนนักเรียนเป็นทุนการศึกษาตามโครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (ทุนการศึกษา “วรเกษตรเมธี”) พ.ศ. ....

 

ตามที่ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “ครัวโรงเรียน สู่ ครัวบ้าน” (ทุนการศึกษา “วรเกษตรเมธี”)  ในคราวประชุมหารือปรึกษาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีประกาศ เรื่อง การรับสมัครคัดเลือกนักเรียนต้นแบบ (ด้านการเกษตร) กิจกรรมขยายผลโครงการสนองแนวพระราชดำริ “ครัวโรงเรียน สู่ ครัวบ้าน” ประจำปี พ.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของนักเรียน เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการและวิธีการจัดสรรทุนการศึกษาให้กับนักเรียน/นักศึกษาในโครงการไว้

สำนักงานคณะรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จึงได้ยกร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยมาตรการสนับสนุนนักเรียนเป็นทุนการศึกษาตามโครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (ทุนการศึกษา “วรเกษตรเมธี”) พ.ศ. .... เพื่อให้การดำเนินการโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และนำเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการส่งเสริมการศึกษาเอกชนพิจารณาให้ความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว นั้น

 

ที่ประชุม ได้มีมติเห็นชอบ ร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยมาตรการสนับสนุนนักเรียนเป็นทุนการศึกษาตามโครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (ทุนการศึกษา “วรเกษตรเมธี”) พ.ศ. .... และมอบ สช. เสนอร่างระเบียบฯ ดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาลงนามต่อไป

 

·       เห็นชอบ การพิจารณาการขยายระยะเวลาการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ

 

ตามที่ สช. จัดตั้งกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับการให้กู้ยืมเงินแก่โรงเรียนในระบบ เพื่อไปดำเนินการในด้านต่าง ๆ คือ 1) การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน  2) การก่อสร้าง หรือ ปรับปรุง อาคารเรียน อาคารประกอบ 3) การซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบที่ชำรุด หรือ เสียหาย  และ 4) การจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนตามหลักสูตร นั้น

 

ในปี 2565 กช. ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 กำหนดนโยบายการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบในอัตราร้อยละ 2 (สอง) ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 (สาม) ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ความช่วยเหลือโรงเรียนกรณีประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 สำหรับโรงเรียนที่กู้ยืมเงินเพื่อนำไปดำเนินการในด้านต่าง ๆ

         

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ ในการประชุมครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2568 ได้พิจารณาการขยายระยะเวลาการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและจำนวนนักเรียนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.25 ต่อปีเป็น ร้อยละ 2.00 ต่อปี ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวทำให้บรรเทาภาระหนี้สินของประชาชน และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกระดับ เพื่อทำให้โรงเรียนมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้มากขึ้น หนี้ที่สงสัยจะสูญอาจลดลง และมีโรงเรียนที่สนใจมาขอกู้ยืมเงิน/ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ มีมติให้มีการขยายระยะเวลาการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ จากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี เป็น อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2570 นั้น

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบมีมติให้มีการขยายระยะเวลาการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ จากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี เป็น อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา2 ปี โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2570 เพื่อเป็นการช่วยเหลือโรงเรียนกรณีประสบปัญหาจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และจำนวนนักเรียนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับโรงเรียนที่กู้ยืมเงินเพื่อนำไปดำเนินการในด้านต่าง ๆ คือ 1) การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน  2) การก่อสร้าง หรือ ปรับปรุง อาคารเรียน อาคารประกอบ 3) การซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ ที่ชำรุด หรือ เสียหาย และ 4) การจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนตามหลักสูตร

 

·       รับทราบ รายงานการออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง แบบสัญญาจ้างและหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกหรือรับหลักประกันการทำงาน หรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานของผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา

 

·       รับทราบ รายงานผลการประชุมหารือการดำเนินการปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568

 

ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 เห็นชอบในหลักการการปรับเพิ่มค่าตอบแทนครู และค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม ชัดเจน ก่อนดำเนินการต่อไป นั้น

          สช. ได้ประชุมหารือการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุมดังกล่าวที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดอัตราค่าตอบแทนครูสอนศาสนาทุกกลุ่มเท่ากัน คือ 3,500 บาท/คน/เดือน ยกเว้นโต๊ะครูให้กำหนดอัตราค่าตอบแทน 4,000 บาท/คน/เดือน และกำหนดอัตราค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามทุกกลุ่มใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอัตราเดียวกัน คือ 2,500 บาท/แห่ง/เดือน นั้น

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ สช. ดำเนินการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับอัตราการบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามทุกกลุ่มใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกครั้งหนึ่ง โดยมีความจำเป็นต้องคงอัตราเดิมไว้ตามที่เสนอคณะรัฐมนตรี

 

ภวินท์ เล้าเจริญสมบัติ / ภาพ

ประกาย ศรีจันทึก / ข่าว

ประชาสัมพันธ์ สช.

 

รายการกิจกรรมผู้บริหารอื่นๆ