ช่วงเช้าวันนี้ (22 ตุลาคม 2568) เวลา 09.30 น. ศาสตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 โดยมี นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นายนิติ นาชิต รองเลขาธิการสภาการศึกษา นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายศุภเสฏฐ์ คณากูล ประธานกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ผู้แทนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ กองทุนสงเคราะห์ และผู้แทนสมาคมจากภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบออนไลน์ โปรแกรม Zoom meeting โดยมีสรุปผลการประชุมที่สำคัญ ดังนี้
· รับทราบ รายงานความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ....
ที่ประชุมรับทราบการรายงานความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ซึ่งปัจจุบัน ร่างฯ ดังกล่าว ผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้ว และจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อผลักดันสู่วาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคการศึกษาเอกชน มีความทันสมัย และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน
· รับทราบ รายงานสถานะของกองทุนสงเคราะห์
ที่ประชุมรับทราบการรายงานสถานะของกองทุนสงเคราะห์ โดยผู้อำนวยการกองทุนสงเคราะห์ โดยมีใจความสำคัญ ได้แก่ รายงานจำนวนสมาชิกกองทุนฯ การจัดสวัสดิการสำหรับ ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ข้อมูลการเบิกสวัสดิการ รวมทั้งชี้แจงงบแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ
· เห็นชอบ แนวทางการอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน
ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้จัดทำแนวทางการอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน นำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนพิจารณาในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2567 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่รับเงินอุดหนุนรายบุคคลในระดับก่อนประถมศึกษา - ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคน ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายนักเรียน จำนวน 1,291,107 คน (3,103 โรงเรียน) ใช้งบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 5,735,413,400 บาท (เพิ่มขึ้น 3,482,378,400 บาท) รวมถึงได้เสนอแนวทางการให้การอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนการกุศลระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายนักเรียน จำนวน 115,222 คน ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 509,083,600 บาท เช่นเดียวกับนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสในโรงเรียนของรัฐ (มติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567) โดยเสนอขอรับการสนับสนุนงบกลาง ปี 2569 จากคณะรัฐมนตรี ซึ่งรวมเป็นจำนวนงบประมาณทั้งสิ้น 6,244 ล้านบาทเศษ (งบประมาณเพิ่มขึ้น 3,991 ล้านบาทเศษ) ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายนักเรียนโรงเรียนเอกชน จำนวนทั้งสิ้น 1,406,329 คน ใน 3,213 โรงเรียน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (คณะกรรมการ กช.) มีมติมอบหมายให้สำนักงานฯ จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา และนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการ กช. ตระหนักถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของนักเรียนโรงเรียนเอกชนซึ่งเป็นเด็กไทย ตามรัฐธรรมนูญอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ให้มีสุขพลานามัยที่ดี ได้รับสารอาหารเพียงพอและสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในสถานศึกษาได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง และช่วยแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการอาหารกลางวันในโรงเรียนเอกชน
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน และมอบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จัดทำเรื่องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยมีรายละเอียดแนวทางฯ ดังต่อไปนี้
1) ให้การอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่รับเงินอุดหนุนรายบุคคลในระดับก่อนประถมศึกษา - ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคน
2) ให้การอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนการกุศลระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3
· เห็นชอบ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
จากพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 มาตรา 13 (9) ที่กำหนดให้ คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย และจากมติการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนพิจารณาเสนอการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนครั้งต่อไป เพื่อให้การดำเนินงานกลั่นกรองและให้ข้อเสนอแนะด้านกฎหมายการส่งเสริมการศึกษาเอกชนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จึงได้ดำเนินการจัดทำร่างคำสั่งคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมในครั้งนี้ และที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างฯ ดังกล่าว พร้อมมอบ สช. รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปพิจารณาดำเนินการต่อ แล้วเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาลงนามต่อไป
· เห็นชอบ การยกเว้นคุณสมบัติของพระรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโฆสิทธารามและวัดเขาแก้ว ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียน
จาก 1) กรณีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสิงห์บุรี ได้มีหนังสือขอให้ สช. พิจารณานำเสนอคณะกรรมการ กช. เพื่อให้ความเห็นชอบเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ยกเว้นคุณสมบัติของผู้ทำหน้าที่ผู้แทนของผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนสามัคคีวิทยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เนื่องจากพระคธาวุธ ฉายา ปญฺญาวุโธ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโฆสิทธาราม ยังไม่มีวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรี มีเพียงวุฒิการศึกษาทางคณะสงฆ์ คือ นักธรรมชั้นเอก และ 2) กรณีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ มีหนังสือขอให้ สช. พิจารณานำเสนอคณะกรรมการ กช. เพื่อให้ความเห็นชอบเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ยกเว้นคุณสมบัติของผู้ทำหน้าที่ผู้แทนของผู้รับใบอนุญาตโรงเรียน เนื่องด้วย มีคำสั่งเจ้าคณะตำบลพยุหะ - เนินมะกอก แต่งตั้งให้พระครูนิรันดร์ธรรมโชติ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพระครูนิรันดร์ธรรมโชติ ไม่มีวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรี
สำหรับกรณี พระคธาวุธ ฉายา ปญฺญาวุโธ และพระครูนิรันดร์ธรรมโชติ ซึ่งไม่มีวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรี (วุฒิทางโลก) จึงขัดกับข้อบัญญัติของพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาตได้ เป็นเหตุให้โรงเรียนสามัคคีวิทยา และโรงเรียนพยุหะวิทยา ไม่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาต และไม่มีผู้ซึ่งสามารถลงนามในการทำนิติกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น การลงนาม การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนทุกประเภทที่โรงเรียนได้รับจัดสรรจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ทั้งนี้ สช. พิจารณาแล้ว จึงขอนำเรียนคณะกรรมการ กช. พิจารณายกเว้นคุณสมบัติของพระรักษาการแทนเจ้าอาวาสทั้งสองวัด ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนได้ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ยกเว้นคุณสมบัติให้กับพระรักษาการแทนเจ้าอาวาสทั้งสองรูป เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในการบริหารกิจการโรงเรียนทั้งสองโรงดังกล่าว
ฐิติวัจน์ ชัยกิมานนท์ / ภาพ
ประกาย ศรีจันทึก / ข่าว
ประชาสัมพันธ์ สช.